2.4.17

หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่สอนกันในสมัยครั้งพุทธกาลนั้น ยากที่คนจะรู้ได้ และก็มีตำราบางตอน บางประเด็นก็ได้มองเห็นว่า นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าของจริง แต่บางคำบางประโยค นักปราชญ์เจ้าทั้งหลายก็เรียบเรียงขึ้นมา ตีความหมายไปอีกรูปแบบหนึ่ง บางทีก็ถูกต้องบ้าง บางทีก็ไม่ถูก บางทีก็ไม่เข้าใจเลย อันนี้แหละ เรื่องจะไปเข้าใจในคำสอนของพระพุทธเจ้าจึงเป็นของยาก

BY Somchatchai IN No comments

อย่าพึ่งเชื่อตามตำรา ..หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ//

..หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่สอนกันในสมัยครั้งพุทธกาลนั้น ยากที่คนจะรู้ได้ และก็มีตำราบางตอน บางประเด็นก็ได้มองเห็นว่า นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าของจริง แต่บางคำบางประโยค นักปราชญ์เจ้าทั้งหลายก็เรียบเรียงขึ้นมา ตีความหมายไปอีกรูปแบบหนึ่ง บางทีก็ถูกต้องบ้าง บางทีก็ไม่ถูก บางทีก็ไม่เข้าใจเลย อันนี้แหละ เรื่องจะไปเข้าใจในคำสอนของพระพุทธเจ้าจึงเป็นของยาก

สมัยที่พระองค์เจ้าเรามีชีวิตอยู่  พระองค์เจ้าได้มีพระญาณหยั่งรู้ในอนาคตของพระองค์ว่า ศาสนาพุทธในยุค ต่อไปนั้นจะเป็นไปอย่างไร พระองค์รู้แล้วว่า ภายภาคหน้าโน้น ชาวพุทธเรานี้เอง จะเป็นผู้แก้ไขเพิ่มเติมคำสอนของพระองค์ให้เพี้ยนไป ไม่เป็นไปตามหลักเดิมที่พระองค์เจ้าสอนเอาไว้

พระองค์ตรัสไว้ในหลักความเชื่อ ๑๐ ประการพระองค์เจ้าเทศน์พวกกาลามะชนในยุคนั้นสมัยนั้น ความเชื่อ ๑๐ ประการ มีข้อหนึ่ง พระองค์ได้ให้ข้อคิดว่า อย่าเพิ่งเชื่อตามตำราหรือคัมภีร์ เป็นข้อคิด ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น พระองค์เจ้าได้มองว่า ตำราคัมภีร์ทั้งหมดที่มีอยู่นั้น มีนักปราชญ์บางคนบางกลุ่ม เขียนขึ้นตามความเข้าใจของตัวเองว่า คงเป็นอย่างนั้น คงเป็นอย่างนี้

หลังจากสังคายนาครั้งที่ ๕ ผ่านไปแล้วนั้น คนเริ่มจะตีความหมายเปลี่ยนไป เพราะในยุคนั้นสมัยนั้น เรียกว่าพระอรรถกถาจารย์ ส่วนมากเป็นพระปุถุชน ผู้ซึ่งมาตีความขยายความออกมา มันเลยคลาดเคลื่อนจากความจริงไปเรื่อยๆ

ในยุคนั้น อรรถกถาจารย์ตีความไปแล้ว ยุคต่อมาก็ยุคฎีกาจารย์ตีความเพิ่มเติมอีก ในการตีความก็เหมือนกันอีกว่าปุถุชนนั่นแหละเป็นผู้ตีความหมาย คำสอนของพระองค์จึงคลาดเคลื่อนไปเรื่อยๆ

ทีนี้ถ้าจะพูดเรื่องศาสนาพุทธเราไปมีอิทธิพลที่เมืองจีนหลายร้อยปี หลายที่หลายแห่ง ที่พม่าบ้าง ลาวบ้าง ศรีลังกาบ้าง คำสอนของพระองค์เจ้าเลยไม่ติดต่อกัน เพราะบางประเทศ ก็ตีความไปตามความเห็นของตน แต่ละประเทศก็ตีความแตกต่างกันไป อย่างทิเบต เขาทำรูปแบบหนึ่ง ตีความแบบหนึ่ง มหายานก็หลายสาขา หลายหมู่คณะ ก็ตีความกันไป

ตกลงว่า เดี๋ยวนี้มันมีลักษณะ ๒ กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มเถรวาท คือ กลุ่มคณะพวกเรา อีกกลุ่มหนึ่ง พวกมหายานที่เขาทำกันอยู่ในที่บริเวณนี้ นี่พวกมหายาน ต่อจากมหายาน ก็ตีความหมายแตกต่างกันไปมากมาย

ถ้าเช่นนั้นเรียกว่า แนวทางที่จะไปสู่จุดหมายปลายทาง คือมรรคผลนิพพานที่เราต้องการนั้นอยู่จุดไหนกันแน่ อันนี้แหละที่มันหายาก อ่านหนังสือก็แล้ว ยิ่งอ่านยิ่งสับสน วกวน ปนเปกันไปหมด

หลวงพ่อเคยอ่านตำรา เคยศึกษาเรื่องประวัติ พระไตรปิฎกมาหลายรอบ อ่านเท่าไร ตีความเท่าไรในเรื่องเดียวกัน เมื่ออยู่ในที่แห่งหนึ่งเป็นอย่างหนึ่ง อยู่อีกแห่งก็เป็นอีกอย่าง เลยดึงกันไปมา พยายามเรียบเรียงกันเป็นถ้อยร้อยคำอันเดียวกัน ก็พยายามทำกันอยู่ แต่บางจุดก็เรียบเรียงง่ายขึ้น แต่บางจุดก็เรียบเรียงไม่ได้เลย มันไม่ต่อกัน ประโยคหนึ่งเป็นอย่างหนึ่ง ประโยคหนึ่งเป็นอีกอย่าง

บางส่วนจาก อย่าพึ่งเชื่อตามตำรา
พระธรรมเทศนา หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ เมื่อวันที่ ๓๑ ม.ค. ๒๕๕๑
ณ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย
จากหนังสือ แนวทางสู่พระโสดาบัน หน้า ๑ - ๔
http://luangporthoon.net/book/%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%97%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%b9%e0%b9%88%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%82%e0%b8%aa%e0%b8%94%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%99/


0 comments:

Post a Comment