..สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ มันทุกข์ มัน วิปะริณา มะธัมมัง มันแปรสภาพอยู่อย่างงั้น เปลี่ยนแปลงอยู่งั้น ทนอยู่ไม่ได้ แปรสภาพอยู่ตลอดรูปกายของเรา เวทนาก็แปรสภาพ เกิดดับ เกิดดับ อยู่อย่างงั้น วรรคที่ 2 ก็ถามว่าเที่ยงหรือไม่เที่ยง วรรคที่ 3 ก็มาถาม
ยังกิญจิรูปัง อะตีตานาคะตะปัจจุปปันนัง ยังกิญจิรูปัง อะตีตะ รูปในอดีตมีมั้ย รูปในอนาคต รูปในปัจจุบัน รูปภายใน รูปภายนอก รูปหยาบ รูปละเอียด รูปสุขุม รูปปราณีต รูปใกล้หรือไกล รูปใกล้หรือรูปไกลนั่นน่ะ
รูปใกล้ก็คือรูปของเรา รูปไกล ก็รูปคนอื่น นอกจากตัวเราไปน่ะ รูปหยาบก็คือ รูปที่นั่งอยู่นี่ล่ะ รูปละเอียดก็คือลมหายใจ รูปปราณีตก็คือรูปจิต ต้องเข้าใจพวกนี้ สัพพะรูปปัง ท่านก็สรุป สัพพะ แปลว่า ทั้งหลายทั้งปวง รูปทั้งหลายทั้งปวงน่ะ
สัพพะรูปัง เนตัง มะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา รูปทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่เรา เราไม่ใช่นั่น นั่นไม่ใช่ของของเรา รูปนั่น ไม่ใช่ของของเรา รูปไม่ใช่เรา เราไม่ใช่นั่น นั่นไม่ใช่ ของของเรา ว่างั้นนะ สัมมัปปัญญายะ ทัฏฐัพพัง พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบนะภิกษุ
สัมมา แปลว่า ชอบ ปัญญา ก็คือปัญญา ความรู้ว่าปัญญาอันชอบ ต่อไปก็เวทนาอดีต เวทนาในอดีต เวทนาในอนาคต เวทนาในปัจจุบัน เวทนาภายใน เวทนาภายนอก เวทนาที่จรมาจากภายนอก เวทนาหยาบ เวทนาละเอียด
เวทนาละเอียดก็คือเวทนาในสมาธิแหละ เรานั่งสมาธิเกิดสุข ขึ้นนั่นน่ะ เกิดขึ้นแล้วก็ตั้งอยู่ดับไป เวทนาพวกนี้ สุขพวกนี้ เวทนาปราณีต เวทนาอะไร เวทนาใกล้ เวทนาไกลก็ว่าไป เนตังมะมะ สรุปไม่ใช่เรา เราไม่ใช่นั่น นั่นไม่ใช่ของของเรา สัพพะเวทนานั่นน่ะ..
บางส่วนจาก พระสูตร
พระธรรมเทศนาโดย หลวงตาศิริ อินฺทสิริ
https://youtu.be/J4knQmTgZzg?t=9m38s
(9:38 - 12:22)
27.3.17
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment