...ยินดีคืออิฏฐารมณ์ ยินร้ายคืออนิฏฐารมณ์ มันก็มี 2 อันนี้ ยินดีก็ทำให้เกิด ความโลภขึ้นมา เรียกว่าราคานุสัยตามนอน อยู่ในใจของเรา จึงเกิดตัญหาขึ้นมา.. ถ้ายินร้ายก็เรียกว่าอนิฏฐารมณ์ ยินร้าย คือโกรธไม่พอใจนะ อันนี้ก็ปฏิฆานุสัย ก็จะตามนอนในใจเราอีก เพราะอะไร เพราะอวิชชา เพราะความรู้ไม่จริง เพราะหลงว่าก้อนสกลกายนี้แหละคือสัตว์บุคคลตัวตนเราเขา...
...เมื่อตาเห็นรูปพระพุทธองค์จึงให้อบรมบ่มอินทรีย์.. อินทรีย์คือตามีความเป็นใหญ่ในการเห็น อินทรีย์คือหูมีความเป็นใหญ่ในการได้ยิน จมูกคืออินทรีย์คือความเป็นใหญ่ในการดมกลิ่น ลิ้นเป็นใหญ่ในการลิ้มรส โผฏฐัพพะ กายมีความเป็นใหญ่ในโผฏฐัพพะ ใจมีความเป็นใหญ่ในการรู้
เมื่อตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส ให้เรามีสติสัมปชัญญะ รู้ตัวอยู่ รู้ว่ายังงัย รู้ว่าไม่ใช่เราเห็น ไม่ใช่เราได้ยิน เรามีอยู่หรือ ถามเจ้าของเรามีอยู่หรือ เราได้ยินใช่ไหม อบรมอยู่อย่างงี้เสียก่อน
ทำไปทำมา มันจะชำนาญขึ้นมาเอง สติปัญญาจะเอามาตัดอารมณ์ เป็นเครื่องคู่กันออก
เมื่อตาเห็นรูปก็ไม่ใช่เราเห็น เห็นจึงสักแต่ว่าเห็น ไม่ยินดีไม่ยินร้าย ถ้ายินดีก็เกิด ราคานุสัย เกิดความโลภ ถ้ายินร้ายก็เกิด ปฏิฆานุสัย คือความโกรธ ถ้ารู้ไม่จริง อวิชชานุสัยตามนอน คือรู้ไม่จริง หลงว่ามีสัตว์บุคคลตัวตนในนี้ เรียกว่าอวิชชานุสัยตามนอน...
บางส่วนจาก ธรรม๔ อย่างที่ทำให้เป็นพระโสดาบัน (40:35 - 41:23 , 46:15 - 48:01)
พระธรรมเทศนา หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต
https://drive.google.com/file/d/0B6OG_Su4MwGZLUFkU1NEcE9YaFk/view?usp=sharing
22.5.16
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment