..ถ้าเราหลงว่ากายมีสัตว์บุคคลตัวตนเราเขาอยู่ ผัสสะเกิด มันก็ดับผัสสะลงไม่ได้แหละ สำคัญตนว่าเรามีในขันธ์ 5 ในตา ตาเป็นเรา เป็นของของเรา อยากได้รูปที่มองเห็น มาเป็นของเรา มันก็เกิดจากนี่แหละ
ท่านจึงว่า เห็นอย่าด่วนว่าเห็น อย่าด่วนว่าเราเห็น เราอยู่ที่ไหน ไล่หาเราดูซิ ตาหรือเป็นเรา รูปที่เราเห็นหรือเป็นเรา วิญญาณรู้ว่ารูปนั้นรูปนี้หรือเป็นเรา เราอยู่ที่ไหน ก้อนสกลกายนี่หรือเป็นเรา ไม่ใช่ ไม่มีเราอยู่ในนี้ เขามาสมมติว่าเป็นเราเฉยๆ
สมมติออกจากก้อนธาตุก้อนธรรมหนิ เราก็ไปถือเอาสมมติ ไปหลงสมมติอยู่หนิ จึงไม่เห็นวิมุติกับเขาอยู่หนิ วิมุติไม่ได้อยู่ที่อื่น นะ ดับสมมติ เพิกสมมติออกก็เห็นวิมุติทันที นี่
ได้ยินอย่าด่วนว่าเราได้ยินนั่นน่ะ สิ่งที่เราได้ยินก็เป็นสังขารปรุงแต่งกันขึ้นเฉยๆ ต้องรู้เท่าสังขาร สังขารมันเกิดมันดับ สังขาร อิงอาศัยกันเกิด เกิดขึ้นแล้วก็ดับ ต้องเข้าใจฝึก สติปัญญา เหล่านี้แหละ
พร้อมกันนี้อย่าลืม ลมหายใจล่ะ คำบริกรรม ผู้ภาวนาใหม่ๆ อย่าทิ้งคำบริกรรม อย่าวาง อย่าวางท่อนกล้วย อย่าวางท่อนไม้ ต้องอาศัยคำบริกรรมซะก่อน จิตจึงจะสงบ เหมือนกับเราว่ายน้ำ นั่นน่ะบอกแล้ว ต้องอาศัยอุปกรณ์ไปซะก่อน ใหม่ๆเราว่ายไม่เป็นน่ะ ต้องอาศัยมะพร้าว บ้าง อาศัยขอนไม้บ้าง ท่อนกล้วยบ้าง ไปซะก่อน สมาธิเรายังทำไม่เป็นก็ต้องอาศัยคำบริกรรมไว้ซะก่อน อย่าวาง วางไม่ได้เด็ดขาด จมน้ำตาย สมาธิไม่เกิดเด็ดขาด ถ้าวางคำบริกรรม
นอกจากสุดท้าย นั่นล่ะ คำบริกรรม มันค่อยจางลงจางลง นั่นล่ะ บริกรรม ไม่ขึ้นอีก จะว่าพุทโธ ก็ว่าพุทโธ พุทโธ ไม่ขึ้น จิตมันวาง วางจากอุปกรณ์ วางจากรูปนามขันธ์ 5 ไม่ใช้อุปกรณ์ ไม่ได้ ใช้อุปกรณ์ไม่ได้ ลมหายกายไม่มี จึงวางมัน อย่าไปดึงคืนมาทีนี้ ถ้ามันสงบแล้ว อย่าไปดึงคืนมา..
บางส่วนจาก การภาวนาเน้นที่สติ (22.36 - 25.26)
พระธรรมเทศนา หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต
https://drive.google.com/file/d/0B6OG_Su4MwGZZXFJLTJyNGVMRmc/view?usp=sharing
24.4.16
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment