7.4.16

จิตก็เสวยอารมณ์ขึ้น ก็เรียกว่าเวทนา จิตจำอารมณ์ได้ ก็เรียกว่าสัญญา จิตนึกคิดปรุงแต่งว่าสวยว่างาม ว่าดีว่าชอบขึ้นมา ก็เรียกว่าสังขาร ความรู้เกิดขึ้นก็เรียกว่าวิญญาณ นี่ล่ะขันธ์ 5 เกิด แล้วก็ดับ

BY Somchatchai IN No comments

..ถ้าไปติดในผัสสะ ไปสำคัญตนว่าเรามีอยู่ในขันธ์ 5 เรามีอยู่ในหูในตา เราเห็นเราได้ยิน ก็เกิดนี่แหละอุปาทานขันธ์ 5 ขึ้นล่ะทีนี้ 
จิตก็เสวยอารมณ์ขึ้น ก็เรียกว่าเวทนา จิตจำอารมณ์ได้ ก็เรียกว่าสัญญา จิตนึกคิดปรุงแต่งว่าสวยว่างาม ว่าดีว่าชอบขึ้นมา ก็เรียกว่าสังขาร ความรู้เกิดขึ้นก็เรียกว่าวิญญาณ นี่ล่ะขันธ์ 5 เกิด แล้วก็ดับ เกิดแล้วก็ดับ สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นต้องดับ สิ่งใดเกิด สิ่งใดดับสิ่งนั้นเป็นทุกข์ นี่แหละทุกข์น่ะ ขันธ์ 5 เกิดดับนี่แหละท่านเรียกว่าทุกข์..

..มันก็มีแค่นี้ ไม่มีมากมายอะไร ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป ไม่มีอะไรเกิด มีแต่ทุกข์เกิด มันก็มีแค่นี้ วันหนึ่งวันหนึ่ง มันเกิดอยู่อย่างงี้ เห็นอยู่อย่างงี้ พิจารณาอยู่อย่างงี้ จนนิพพิทา จนเบื่อหน่ายในรูป เบื่อหน่ายในเวทนา เบื่อหน่ายในสัญญา เบื่อหน่ายในสังขาร เบื่อหน่ายในวิญญาณ

ว่ามันก็ทำงานของมัน อยู่อย่างงี้ เป็นอยู่เช่นนั้นเอง เมื่อเบื่อหน่าย คลายความยินดี วิราคะ นิพพทา ก็วิราคะ เกิดขึ้นล่ะ วิก็แปลว่าไม่ ราคะก็ยินดี ไม่ยินดีเกิดขึ้น เบื่อหน่ายคลายความยินดีนั่นน่ะ คลายคือไม่ยินดีนั่นน่ะ จิตของเราจึงจะหลุดพ้น

ถ้าไม่เบื่อหน่าย ไม่คลายความยินดี ไม่หลุดง่ายๆดอก จิตนั่นน่ะ จิตตานิ วิมุจจิง สูติ จิตจึงจะหลุดพ้น หลุดพ้นจากอะไร หลุดพ้นจากความโลภ ความโกรธ ความหลง หลุดพ้นจากขันธ์ 5..

บางส่วนจาก ตั้งใจอย่าได้ประมาท (32.27 - 33.17, 34.53 - 36.04)
พระธรรมเทศนา หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต

0 comments:

Post a Comment