..ความคิดก็คือธรรมารมณ์นั่นแหละ ธรรมารมณ์ที่ความจำได้หมายรู้ ผ่านมาตั้งแต่อดีต มันไปผสมอยู่ที่ใจของเรา ใจก็เรียกว่าธรรมะ อารมณ์ไปผสมจิตอยู่นั่น ก็เรียกว่าธรรมารมณ์ ว่างๆมันไหลออกมา คิดเห็นหน้าคนนั้นคนนี้ คิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ขึ้นมา
ธรรมารมณ์ก็คือรูปภายนอก ที่เราจำได้หมายรู้ไว้แต่อดีต ใจก็คือรูปภายใน เมื่อมันไหลออกมา จากใจ อารมณ์ไหลออกมาจากใจ ภาพก็มาเกิดขึ้นที่ใจเรานี่ล่ะ หน้าคนนั้น เรื่องอันนั้นเรื่องนี้ก็มาปรากฏขึ้นที่มโน เรารู้ว่าเราคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ก็เรียกว่านาม รูปกับนามเกิดแล้วก็ดับ เกิดแล้วก็ดับ
มันเกิดเองดับเองของมันนะ ไม่ได้คิดมันไหลออกมาเองนะอันนี้ เหมือนกับน้ำไหลออกจากบ่อ หลุมบ่อนั่นล่ะคือใจของเรา อารมณ์คือน้ำ น้ำมันไหลออกมาจากใจ น้ำมันไหลออกมาจากบ่อ ไม่ได้บอกมันก็ไหลออกมา
ไหลออกมาเอง คิดถึงเรื่องเก่าตั้งแต่อดีตนู้น นั่นน่ะภพเก่า ภพแล้วภพเล่าภพเก่าภพใหม่ คิดไปถึงเรื่องเก่าก็ภพเก่า คิดไปถึง เรื่องใหม่ก็ภพใหม่ ขันธ์ 5 เกิดภพหนึ่ง เรื่องนี้ดับก็เรียกว่าภพนี้ดับ ไปคิดถึงเรื่องใหม่อีกก็ภพใหม่เกิด ภพแล้วภพเล่าอยู่ นอนไม่หลับแหละ คนประสาทน่ะ ไม่รู้เท่าสังขารคือความคิด
ก็เลยไปอุปาทานเอาว่าเราคิด ความคิดเป็นเรา เราเป็นความคิด เราเป็นผู้คิดล่ะทีหนิ ก็ไปแบกเอาขันธ์ 5 ไม่รู้ว่าขันธ์ 5 ธรรมารมณ์ก็คือรูปภายนอก ใจก็คือรูปภายใน ความรู้ที่ว่าเราคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็คือนาม เรื่องนี้มันจบมันก็ดับ รูปกับนามเกิดแล้วก็ดับ เกิดขึ้นแล้วก็ตั้งอยู่ดับไป เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เอามนต์คาถาของพระพุทธองค์ไล่ออก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไล่ออก คนฉลาด คนโง่ก็ไปอุปาทานเอา ไปอุปาทานขันธ์5น่ะ ทำไมไปอุปาทานเอา ก็ไม่รู้จักว่าขันธ์5 ไม่รู้จักว่าขันธ์5 มันเป็นทุกข์ ไม่รู้จักว่าเหตุแห่งทุกข์เกิดถ้าไปอุปาทานเอา..
บางส่วนจาก ตั้งใจอย่าได้ประมาท (22.43 - 25.25)
พระธรรมเทศนา หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต
https://drive.google.com/file/d/0B6OG_Su4MwGZTFdLX2dhVGxrX1k/view
0 comments:
Post a Comment